IB, IGCSE, ICSE, ISC, CBSE
NCEA, IB, IGCSE
ในวันที่เรามีโอกาสที่อยากจะศึกษาการไปเรียนต่างประเทศ เรื่องของหลักสูตรจึงเป็นหัวข้อสำคัญในการเลือกเรียนหลักสูตรที่เหมาะสมกับตัวลูกๆองท่าน ดังนั้นการเข้าใจในหลักสูตรจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางพี่ๆอินโฟจึงอยากจะให้ความรู้ถึงความแตกต่างและความเหมาะสมของแต่ละหลักสูตร
หลักสูตรที่นำมาเสนอนี้เป็นหลักสูตรที่พี่อินโฟได้คิดว่าคนไทยเราให้ความนิยมให้และความสนใจเป็นอย่างมาก โดยทางพี่อินโฟอยากจะมานำเสนอให้น้องๆและผู้ปกครองได้ทำเข้าใจไปด้วยกัน
แต่ก่อนอื่นพี่อินโฟอยากจะพูดถึงหลักสูตรที่มีในประเทศอินเดียก่อน ในประเทศอินเดียนี้มีหลักสูตรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ICSE, CBSE, IGCSE, หรือ IB และอื่นๆอีกมากมาย โดยส่วนมากหลักสูตรที่เป็นที่รู้จักมีประมาณอยู่ 4 หลักสูตรนี้ ซึ่งในแต่ละหลักสูตรเหล่านี้จะมีความโดดเด่นและคุณภาพที่แตกต่างกันออกไป โดยจากประสบการณ์ที่พี่อินโฟได้ศึกษาและทำการพูดคุยกับผู้ปกครองหลายต่อหลายท่าน มักจะมีเพียงน้อยท่านเท่านั้นที่เข้าใจในหลักสูตรก่อนที่จะส่งลูกๆของท่านไปเรียน อย่างไรก็ตามการที่ไม่เข้าใจในหลักสูตรนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาในระยะยาวของการเรียนในตัวลูกๆนั้นก็ว่าได้ และอาจทำให้เกิดคำถามหรือความกดดันที่ว่าทำไมลูกๆของท่านนั้นไม่สามารถเรียนหรือทำคะแนนในข้อสอบปลายภาคได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าท่านได้อ่านต่อไปเรื่อยๆท่านก็อาจจะสามารถเข้าใจถึงปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้
แต่ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับ ICSE และ CBSE กันดีกว่า
1. Council for the Indian School Certificate Examinations (CISCE) หรือ สภาวัดผลการศึกษาในโรงเรียนอินเดีย เป็นคณะกรรมการเอกชน โรงเรียนในระบบ CISCE มีมาตรฐานการวัดผลการศึกษา 2 ระดับ คือ Indian Certificate of Secondary Education (ICSE) for class 10 และ Indian School Certificate (ISC) for class 12 กล่าวง่าย ๆ ก็คือ จะมีการสอบวัดผลตอนมัธยมศึกษาปีที่ 4 และมัธยมศึกษาปีที่ 6
*** จุดเด่นสำคัญของหลักสูตรนี้ คือ นักเรียนสามารถเลือกสายวิชาได้ตั้งแต่เกรด 9 (เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 3) ว่าจะเรียน สายวิทย์ หรือ สายศิลป์ การเลือกสายวิชาตั้งแต่เด็ก ทำให้สามารถลดจำนวนวิชาที่ต้องเรียน ทำให้ทุ่มเทให้กับวิชาที่เกี่ยวข้องได้อย่างเต็มที่
*** จุดเด่นสำคัญของหลักสูตรนี้ คือให้ความสำคัญกับทุกวิชาเท่า ๆกัน โดยเน้นภาษาอังกฤษเป็นหลัก นักเรียนที่จบหลักสูตรนี้มักจะใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะศึกษาต่อต่างประเทศในระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัย ซึ่งหากนักเรียนได้เคยเรียนหลักสูตรนี้พี่อินโฟเชื่อว่าการสอบ TOEFL และ IELTS ก็คงไม่ยากอีกต่อไป หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับการศึกษาต่อในสาขาศิลป์และด้านบริหาร
2. Central Board of Secondary Education (CBSE) หรือ คณะกรรมการกลางมัธยมศึกษาในอินเดีย ดูแลหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนในอินเดีย
*** จุดเด่น หลักสูตร CBSE จะเน้นด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นหลัก หลักสูตรจะมุ่งสร้างความเข้มข้นทางวิชาการให้นักเรียนสามารถเข้าสอบแข่งขันนระดับต่างๆ ได้ CBSE จึงเหมาะสมกับนักเรียนที่ต้องการจะศึกษาต่อในด้านแพทย์ วิศวะ และด้านที่เน้นการใช้ความรู้สายวิทยาศาสตร์เป็นหลัก
จากประสบการณ์ที่ทางพี่ๆอินโฟได้รู้จักในบัลดาลหลักสูตรทั้งหลายนั้น ทุกคนมักจะพูดว่า หลักสูตร ICSE เนียเป็นหลักสูตรที่ยากที่สุดที่มีในประเทศอินเดีย ถ้าใครได้ผ่านการเรียนหลักสูตรนี้มาได้ ต้องเป็นนักเรียนที่เก่งสุดๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้หลักสูตรอินเดียนั้นจะมีคุณภาพที่ดีและมีกลุ่มผู้ปกครองได้ให้ความสนใจ แต่ในทางกลับกันทางพี่อินโฟกลับมองว่าหลักสูตร IB นั้นเหมาะและสามารถตอบโจทย์เด็กนักเรียนไทยได้ดีกว่าและมากกว่า อีกทั้งยังสามารถให้มาตรฐานที่สูงไม่ต่างกัน
สำหรับน้องๆ หรือผู้ปกครองท่านใดที่สนใจในหลักสูตร IB หรือ IGCSE สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกที่รูปด้านล่างนี้ได้เลย
ต่อมาเรามาทำความรู้จักกับหลักสูตรที่ใช้วัดมาตรฐานการเรียนการสอนในประเทศนิวซีแลนด์กัน โดยหลักสูตรการเรียนของประเทศนิวซีแลนด์มีชื่อเรียกว่า NCEA - National Certificate Education Achievement เป็นหลักสูตรที่ได้รับอนุญาตจาก NZQA - New Zealand Qualifications Authority ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้รัฐบาลนิวซีแลนด์และได้ทำการควบคุมหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งองกรค์แห่งนี้ได้ก่อตั้งขึ้นมาในปี ค.ศ. 1989 และได้พัฒนาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันจนทำให้หลักสูตร NCEA มีความแข็งแกร่ง มาตรฐาน อีกทั้งยังเป็นที่ยอมรับจากผู้คนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
หลักสูตร NCEA นี้ถือได้ว่าเป็นหลักสูตรเฉพาะในประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น โดยหลักสูตรนี้มีไว้สำหรับเด็กนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลาย Year 11 12 และ 13 (หรือเทียบเท่ากับเด็กนักเรียนที่มีอายุ15-18 ปี) โดยแบ่งเป็น NCEA Level 1 2 และ 3 ตามลำดับ
สำหรับหลักสูตร NCEA ยังเป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่เด็กนักเรียนทุกคนควรได้รับการเรียนรู้ เพราะ NCEA ได้มีการยอมรับจากบุคคลหลายๆภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย อุดมศึกษา วิชาชีพ หรือแม้แต่การสมัครงาน Part time ต่างๆ ในประเทศนิวซีแลนด์ หลักสูตร NCEA จึงมีความสำคัญอย่างมากในประเทศนิวซีแลนด์
การเรียนหลักสูตร NCEA จะเป็นการเก็บคะแนนที่เรียกว่า เครดิต และนักเรียนต้องเก็บเครดิตให้ได้ตามเป้าหมายของหลักสูตรที่ได้ระบุไว้ ซึ่งเครดิตจะได้จากการสอบและการส่งงานตามมาตรฐานของแต่ละรายวิชาที่ได้ถูกมอบหมายให้ในแต่ละเทอม หรือจะเป็นการสอบในแต่ละเทอม
- Standards (สแตนดาร์ด): เป็นคำที่ใช้เพื่อวัดผลคะแนนที่ได้รับความยอมรับหรือมาตรฐานในชิ้นงานผลงาน หรือการสอบของเด็กนักเรียนทุกคนที่ได้ทำส่งในรายวิชานั้นๆ
การเข้าหลักสูตรหรือการเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร NCEA นั้น เด็กนักเรียนทุกคนจะได้รับการทดสอบจากทางโรงเรียนเพื่อดูว่าน้องๆ มีความสามารถเพียงพอที่จะสามารถเก็บเครดิตได้ตามเป้าหมายในแต่ละปีไหม เพราะเดิมทีด้วยโรงเรียนที่เปิดรับนักเรียนตลอดปีการศึกษาทำให้ในบางครั้งนักเรียนที่เข้าไปในเทอมที่ 3 หรือ 4 ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเก็บเครดิตและด้วยพื้นฐานภาษาที่ยังต้องมีการฝึกฝนเพิ่มเติม ทำให้ยังไม่สามารถสมัครเข้าหลักสูตรได้โดยทันที แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่น้องสามารถปรับตัวและพัฒนาได้มากขึ้น คุณครูจะพิจรณาและทำการแจ้งให้ผู้ปกครองทราบถึงเรื่องสมัครเข้าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรและโรงเรียนจะช่วยวางแผนการเก็บเครดิตในแต่ละปีโดย School Counselor
แต่ก่อนที่นักเรียนจะเก็บคะแนนเครดิตในหลักสูตร นักเรียนจะเห็นได้ว่านิวซีแลนด์มีวิชาให้เราเลือกเรียนอย่างมากมายจนบางทีก็เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว ซึ่งการเลือกวิชาในแต่ละชั้นปีนั้นจะมีความเข้มข้นของเนื้อหาที่ไม่เท่ากัน อย่างใน Year 11 ตัวเนื้อหาของทางหลักสูตรจะเป็นเนื้อหาที่กว้างๆไม่ค่อยมีความซับซ้อน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สามารถค้นหาตัวเองในช่วงปีนี้ และต่อมาใน Year 12 และ 13 จะเป็นปีที่มีเนื้อหาเข้นข้นและเฉพาะทางมากขึ้น จึงทำให้เราต้องเริ่มคิดแล้วว่าเราเองอยากทำอาชีพอะไรในอนาคต อยากเข้าคณะวิชาสาขาไหนในอนาคต หรืออยากเข้าศึกษาต่อที่ไหน ด้วยเหตุผลเหล่านี้ตัวนักเรียนเองจึงจะสามารถเลือกลงวิชาและทำตามเป้าหมายที่ได้วางแผนไว้ในตอนต้น
หลังจากที่สามารถตัดสินใจในการเลือกวิชาแล้ว นักเรียนจำเป็นที่จะต้องรายงานตัวกับคุณครูเกี่ยวกับ อาชีพที่อยากทำและรายวิชาที่อยากเรียน เมื่อคุณครูได้ทราบถึงความจำนงของนักเรียน คุณครูจะช่วยนักเรียนวางแผนการลงวิชาและการเรียนเพื่อให้มีความสอดคล้องต่อเป้าหมายในอนาคต
และด้วยสิ่งนี้ที่เรียกว่า Careers Advisor เป็นที่ปรึกษาหรอืผู้ชี้แนะแนวทางการต่อยอด ซึ่งคุณครูในตำแหน่งนี้จะช่วยวางแผนอนาคตของเด็กนักเรียน และนี่จึงเป็นตำแหน่งสำคัญที่ทำให้การเรียนการสอนของประเทศนิวซีแลนด์ติดอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน
ระบบนิวซีแลนด์
1. ผู้สมัครที่สอบผ่านวิชา New Zealand National Certificate of Educational Achievement (NCEA)
ซึ่งอยู่ในความดูแลของ New Zealand Qualifications Authority (NZQA) จำนวนไม่น้อยว่า 80 หน่วยกิต
ประกอบด้วย
- วิชาใน level 2 หรือสูงกว่าจำนวนไม่น้อยกว่า 60 หน่วยกิต และ
- วิชาใน level 1 หรือสูงกว่าจำนวนไม่น้อยกว่า 20 หน่วยกิต
การพิจารณาให้นับวิชา English for Speaker of other Languages (ESOL) เป็นอีก 1 วิชาได้ด้วย
ผู้จบการศึกษาจะต้องได้รับประกาศนียบัตร NCEA level 2 ใบแสดงผลการสอบ (Record of Achievement)
หนังสือรับรองระดับ จำนวนวิชา และจำนวนหน่วยกิตของแต่ละวิชา จาก New Zealand Qualifications Authority (NZQA) ทั้งนี้ การพิจารณาตามเกณฑ์ข้อที่ 1 ให้มีผลสำหรับผู้จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศนิวซีแลนด์ตั้งแต่ปีการศึกษา 2553 เป็นต้นไป
หรือ
2. ผู้สมัครที่สอบผ่านวิชา New Zealand National Certificate of Educational Achievement (NCEA) ซึ่งอยู่
ในความดูแลของ New Zealand Qualification Authority (NZQA) ใน level 2 หรือสูงกว่า อย่างน้อย 5 วิชา ไม่ซ้ากันนับจำนวนรวมไม่น้อยกว่า 60 หน่วยกิต ประกอบด้วยวิชาบังคับ 2 วิชา ได้แก่
- English (literacy) ใน level 2 หรือสูงกว่า อย่างน้อย 4 หน่วยกิต
- Mathematics (numeracy) ใน level 2 หรือสูงกว่า อย่างน้อย 4 หน่วยกิต
การพิจารณาไม่นับรวมวิชา English for Speakers of other Languages (ESOL)
ผู้จบการศึกษาจะต้องได้รับใบแสดงผลการสอบ (Record of Achievement) และหนังสือรับรองระดับ
จำนวนวิชา และจำนวนหน่วยกิตของแต่ละวิชาจาก New Zealand Qualifications Authority (NZQA)
ทั้งนี้ การพิจารณาตามเกณฑ์ข้อที่ 2 ให้มีผลสำหรับผู้จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของ
ประเทศนิวซีแลนด์ตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 เป็นต้นไป